ວິທີສອນແບບ  (Explicit Teaching Method)



วิธีสอนแบบเอ็กซ์พลิซิท (Explicit Teaching Method)

 

 

          วิธีสอนแบบเอ็กซ์พลิซิท เป็นกระบวนการสอนที่เน้นการทบทวนประจำวัน ประจำสัปดาห์และประจำเดือน มีการตรวจสอบการบ้าน และมีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามจุดประสงค์การเรียนรู้สั้นๆ    เข้าใจง่ายได้คำตอบที่ถูกต้องรวดเร็วและแน่นอน

            ขั้นตอนของวิธีสอนแบบเอ็กซ์พลิซิท

          ขั้นตอนที่ 1 ทบทวนประจำวันและตรวจสอบการบ้าน มีขั้นตอนดังนี้

1.1   ตรวจการบ้าน (ครูอาจให้นักเรียนช่วยกันตรวจการบ้าน)

1.2   สอนใหม่เมื่อจำเป็นในเนื้อหาที่สำคัญๆ

1.3   ทบทวนความรู้เดิมที่เกี่ยวข้องกับความรู้ใหม่และครูอาจซักถามเพิ่มเติม

1.4   ฝึกปฏิบัติ

ขั้นตอนที่ 2 การนำเสนอสาระความรู้ มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้

2.1 แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้สั้นๆแต่เข้าใจง่าย

2.2 เสนอโครงสร้างและภาพรวมของสาระความรู้

1.3   เริ่มสอนเนื้อหาทีละน้อยทีละขั้น

1.4   ซักถามนักเรียนเพื่อเป็นการตรวจสอบความเข้าใจ

1.5   เน้นประเด็นที่สำคัญให้นักเรียนทราบ

1.6   อธิบายให้ตัวอย่าง อย่างชัดเจน

1.7   สาธิตและทำแบบให้ดู

1.8   อธิบายรายละเอียดและยกตัวอย่างประกอบประเด็นเนื้อหาที่สำคัญๆ

ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติโดยครูคอยแนะนำ มีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังนี้

1.1    การฝึกนักเรียนในระยะแรกครูควรคอยช่วยเหลือแนะนำโดยตลอด

1.2   ซักถามนักเรียนบ่อยๆถามคำถามให้มากเพื่อให้นักเรียนตอบและให้ฝึกอย่างเพียงพอ

1.3   คำถามที่ถามควรเกี่ยวข้องกับเนื้อหาใหม่หรือทักษะใหม่

1.4   ครูตรวจสอบความเข้าใจโดยประเมินจากคำตอบของนักเรียน

1.5   ระหว่างตรวจสอบความเข้าใจ ครูจะให้คำอธิบายเพิ่มเติม ให้ข้อมูลย้อนกลับหรืออธิบาย

ซ้ำ (ถ้าจำเป็น)  และให้นักเรียนมีการตอบสนองและให้ข้อมูลย้อนกลับ  ครูควรแน่ใจว่านักเรียนคนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้

1.6   การให้ฝึกปฏิบัติในระยะแรก ครูควรคอยแนะนำจนนักเรียนสามารถปฏิบัติเองโดยลำพัง

ภายหลัง

1.7    การฝึกปฏิบัติควรทำอย่างต่อเนื่องจนกว่านักเรียนจะชำนาญถึงขั้นที่นักเรียนนักเรียนทำ

ได้ 80 % ในขั้นตอนนี้มีข้อเสนอแนะในการตรวจสอบความเข้าใจเพื่อจะได้แก้ไขความผิดพลาด ความบกพร่อง ด้วยกิจกรรมดังนี้

1)      เตรียมคำถามไว้ล่วงหน้าให้มากเพื่อถามให้นักเรียนตอบอย่างทั่วถึงและคำตอบที่

ได้ควรเป็นคำตอบที่ตรงประเด็นสำคัญ หรือตรงตามในเรื่องหรือทักษะที่สอน

2)      ให้นักเรียนสรุปกฎหรือกระบวนการด้วยตนเอง

3)      ให้นักเรียนตอบโดยเขียนคำตอบในสมุด

4)      หลังจากการสอน ครูควรให้นักเรียนเขียนสาระหรือประเด็นสำคัญของบทเรียน

และสรุปประเด็นสำคัญลงในสมุด

ดังนั้นการตรวจสอบความเข้าใจจึงมีความสำคัญและจำเป็นเพื่อเป็นการทบทวนเนื้อหาสาระที่

เรียนผ่านมาและย้ำเพื่อความเข้าใจของผู้เรียน

ขั้นตอนที่ 4 การแก้ไขให้ถูกต้อง และการให้ข้อมูลย้อนกลับ มีขั้นตอน ดังนี้

1.1  ครูควรรับรู้และตอบรับคำตอบที่รวดเร็วและมั่นใจของนักเรียนอย่างสั้นๆ เช่น ถูกต้อง หรือ

คำชมอื่นๆ

4.2 คำตอบที่ลังเลของนักเรียนครูอาจต้องให้ข้อมูลย้อนกลับ ให้ตอบอย่างมั่นใจ

4.3 การตอบผิดหรือปฏิบัติผิดของนักเรียนบ่งบอกถึงความจำเป็นในการฝึกเพิ่ม

1.4  ตรวจสอบติดตามบทเรียนของนักเรียนเสมอ

1.5  พยายามให้การตอบสนองทุกคำถามที่นักเรียนถาม

1.6  การแก้ไขการตอบผิดของนักเรียน ครูควรให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ถามคำถามให้ง่ายขึ้น ให้

คำแนะนำ อธิบาย ทบทวน หรือสอนใหม่ในขั้นสุดท้าย

1.7  ถามคำถามซ้ำจนกว่าจะถูกต้อง

1.8  การให้ฝึกปฏิบัติโดยครูคอยแนะนำการแก้ไขควรทำต่อไป จนกว่าครูจะแน่ใจว่านักเรียน

บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของบทเรียน

1.9  ให้คำชมเชยแต่พอควร ในเรื่องที่เฉพาะเจาะจง จะทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าการ

ชมเชยแบบพร่ำเพรื่อ

            ในประเด็นของการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของนักเรียนมีข้อเสนอเพื่อการตอบสนองคำตอบของนักเรียน ดังนี้

1)      ตอบถูกต้องเร็วด้วยความมั่นใจในคำตอบโดยปกติพฤติกรรมนักเรียน จะปรากฎในช่วง

การเรียนตอนแรกๆ ตอนที่มีการทบทวน ครูควรถามคำถามใหม่ๆ พร้อมทั้งมีการฝึกเพิ่มเติมและกล่าวคำชมเชย

2)      ตอบถูกแต่ลังเลไม่แน่ใจ จะปรากฎในการเรียนในตอนต้นหรือในช่วงให้ฝึกโดยมีครูคอย

แนะนำ ครูควรให้ข้อมูลย้อนกลับหรือตอบสนองกลับด้วยคำพูดสั้นๆ เช่น ถูกต้อง ดีมาก การให้ข้อมูลย้อนกลับในลักษณะนี้ครูควรให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนเข้าใจว่าคำตอบนั้นถูกต้องเพราะอะไร

3)      ถ้านักเรียนตอบผิดเพราะสะเพร่าควรให้การทบทวนแก้ไขและให้ข้อมูลย้อนกลับทันที

4)      ตอบผิดเพราะไม่มีความรู้ ไม่จำเนื้อหาสาระ  นักเรียนที่ตอบผิดในช่วงต้นซึ่งเป็นระยะการ

เรียนเนื้อหาสาระใหม่ ชี้ให้เห็นว่า มีความรู้ไม่แน่นพอ ไม่รู้จริงเกี่ยวกับสาระความรู้นั้น ครูควรแก้ไขดังนี้

4.1) ครูชี้นำเสนอแนะแนวทางเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง โดยถามคำถามใหม่และง่าย

พร้อมทั้งยกตัวอย่างและเหตุผลประกอบ

4.2) สอนใหม่ สำหรับนักเรียนที่ไม่เข้าใจ

4.3) บอกเป็นนัย ถามคำถามที่ง่ายๆ หรือทำการสอนใหม่

การให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นองค์ประกอบสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้ประการหนึ่ง

ขั้นตอนที่  5 การฝึกอย่างอิสระ (ฝึกปฏิบัติที่โต๊ะ)  มีข้อเสนอแนะการจัดการเรียนรู้ ดังนี้

1.1   ให้นักเรียนฝึกอย่างเพียงพอ

1.2   ฝึกทักษะเนื้อหาสาระที่เรียนไปแล้ว

1.3   ฝึกเพื่อให้เกิดความชำนาญ

1.4   การฝึกปฏิบัติโดยลำพัง ควรปฏิบัติได้ถูกต้อง 95%

1.5   นักเรียนจะตื่นตัว ถ้าการให้ฝึกปฏิบัติ ได้โดยมีการติดตามตรวจสอบ

1.6   กระตุ้นให้นักเรียนมีความรับผิดชอบในงานที่ตนเองปฏิบัติ และมีความกระตือรือร้นเสมอ

การฝึกปฏิบัติที่โต๊ะเพื่อให้การปฏิบัติกิจกรรมโดยลำพังที่มีประสิทธิภาพ ควรปฏิบัติดังนี้

            1) ครูควรเดินดูนักเรียนทำงาน ให้ข้อมูลย้อนกลับ ถามคำถามและอธิบายสั้นๆ อย่างทั่วถึง

            2)  ครูควรจัดที่นั่งให้มองเห็นนักเรียนทั้งชั้นในขณะปฎิบัติงาน

            3) ครูควรวางแผนการปฏิบัติกิจกรรมโดยให้นักเรียนฝึกปฏิบัติอย่างอิสระและประสบผลสำเร็จ ครูต้องจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามจุดประสงค์ มีการเตรียมการฝึกให้พร้อม และเพียงพอสำหรับนักเรียนทุกคน และต้องเป็นกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพ โดยความมุ่งหวังให้นักเรียนสามารถตอบได้โดยอัตโนมัติ โดยการที่ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติมาก ๆ

            ขั้นตอนที่  6 การทบทวนรายสัปดาห์และรายเดือน   มีข้อเสนอการจัดการเรียนรู้ดังนี้

            6.1 ทบทวนเนื้อหาที่เรียนไปแล้วอย่างเป็นระบบโดยทบทวนเป็นประจำสัปดาห์ และทบทวนประจำเดือน การทบทวนของครูช่วยให้ครูได้ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน และเพื่อให้แน่ใจว่าความรู้ทักษะที่เรียนไปแล้ว   นักเรียนรู้และปฏิบัติเข้าใจเป็นอย่างดีและเพื่อความคงทนของความรู้

1.2   ตรวจการบ้านที่ให้ทำ

1.3   ทดสอบบ่อย ๆ

1.4   สอนใหม่ในเนื้อหาที่บกพร่อง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทั่วไป

การค้นหารูปแบบ (Pattern  Seeking)